เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “Chuck Taylor All Star” รองเท้ารุ่นไอคอนอายุกว่า 100 ปีของแบรนด์ Converse อย่างแน่นอน ด้วยดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา สามารถแมทช์ได้กับทุกลุคอย่างง่ายดาย ทำให้รองเท้ารุ่นนี้เป็นหนึ่งใน Must Have ไอเทมที่ต้องมีติดบ้านไว้อย่างน้อยสัก 1 คู่
ในปัจจุบันนี้ Chuck Taylor All Star ได้แตกแขนงและพัฒนากลายเป็นรุ่นใหม่ ๆ มากมาย โดยมี 2 โมเดลพระเอก ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีคอลเลคชั่นใหม่ ๆ และสีใหม่ ๆ ให้ได้จับจองกันทุกซีซั่น นั่นก็คือ Chuck Taylor All Star (CTAS) และ Chuck 70 ซึ่งถ้ามองเพียงผิวเผินเราอาจจะแยกไม่ออกเลยว่า 2 รุ่นนี้ต่างกันตรงไหน? และเพื่อไขข้อข้องใจดังกล่าว วันนี้ CARNIVAL จึงหยิบเอา 2 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบกันจะ ๆ เพื่อให้เห็นความต่างกันชัด ๆ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
ก่อนจะไปเริ่มกัน เรามาท้าวความถึงรุ่น Chuck Taylor All Star กันซักเล็กน้อย โมเดลนี้ถูกผลิตและวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1921 ในฐานะรองเท้าบาสเกตบอล โดยจุดเปลี่ยนได้เริ่มต้นขึ้นในยุค 1980s ที่สถานการณ์การเมืองในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะต่อต้านธุรกิจส่งออก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตรองเท้าพุ่งสูงขึ้น
ทาง Converse จึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการเดบิวต์ Chuck Taylor All Star ในวงการรองเท้าไลฟ์สไตล์แบบเต็มตัว มีการปรับดีไซน์และลดวัสดุเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น และกลายเป็น Chuck Taylor All Star หรือ CTAS ที่เรารู้จักกันในวันนี้ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาแล้ว Converse ได้นำ Chuck Taylor All Star จากยุค 1970s กลับมาผลิตอีกครั้งในปี 2013 พร้อมตั้งชื่อโมเดลว่า “Chuck 70” นั่นเอง
SHAPE
เริ่มกันที่ทรงรองเท้า เมื่อนำมาวางข้างกัน จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 โมเดลมีรูปทรงที่เหมือนกันอย่างกับแกะ แต่เราขอให้โฟกัสมาที่ส่วน Toe Box จะสังเกตได้ว่า Chuck 70 มีดีไซน์ส่วนหัวรองเท้าที่เรียวกว่าเล็กกว่า CTAS อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ลองเอาพื้นรองเท้าทั้ง 2 โมเดลมาประกบกันดู ก็จะเห็นได้ว่าพื้นส่วนกลางของ Chuck 70 มีขนาดที่กว้างกว่า CTAS เช่นกัน นั่นก็เพราะ Chuck 70 นั้นดีไซน์มาเพื่อกีฬาบาสเกตบอลที่ต้องการความมั่นคงและความกระชับเท้าอย่างพอดิบพอดี
UPPER
ว่ากันต่อที่ส่วน UPPER อันมีผ้า Canvas เป็นหัวใจหลัก หากลองสัมผัสดู ก็จะรู้เลยว่าเทกเจอร์และความหนาของทั้ง 2 โมเดลแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย Chuck 70 จะใช้ผ้า Canvas น้ำหนัก 12 oz และเย็บตะเข็บข้างติดกับผ้าชิ้นเล็ก ๆ ด้านใน เพื่อเพิ่มความทนทานและอายุการใช้งานที่ยืนยาวกว่า ในขณะที่ตัว CTAS จะใช้ผ้า Canvas แบบชั้นเดียวที่บางกว่า เบากว่า เทกเจอร์ละเอียดกว่า และให้สัมผัสที่นุ่มมือมากกว่า
MIDSOLE & OUTSOLE
พื้นรองเท้าคือส่วนที่เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยพื้นยางของ Chuck 70 จะมาในสี Off White พร้อมเคลือบด้วยเทกเจอร์แบบเงา ให้กลิ่นอายแบบวินเทจสุด ๆ ส่วน CTAS จะเป็นยางสี True White ที่มีเทกเจอร์แบบด้าน
ในขณะที่ Toe Bumper หรือ กันชน ของ Chuck 70 ที่แปะอยู่ส่วนปลายเท้าจะกินพื้นที่ยาวมาถึงกลางเท้า เพื่อเพิ่มความทนทานและการยึดเกาะที่มากกว่าเดิม แตกต่างกับ CTAS ที่สั้นกว่าและคลุมเพียงเท้าส่วนหน้าเท่านั้น
เมื่อหยิบทั้ง 2 โมเดลมาวางข้างกัน จะเห็นได้ว่าพื้นยางของ Chuck 70 มีความหนาและสูงกว่า CTAS ถึง 5 มิลลิเมตร ซึ่งความสูงนี้ก็เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเสริมความมั่นคงและดูดซับแรงกระแทกนั่นเอง (เหมาะสำหรับคนที่ต้องเพิ่มความสูงโดยไม่ต้องเสริมส้น)
พลิกดูที่ส่วนพื้น Outsole ทั้ง 2 โมเดลจะมีลวดลายที่เหมือนกัน เพียงแต่ Outsole ของ Chuck 70 จะมีดอกยางที่หนากว่า CTAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ
INSOLE
มาดูกันที่ด้านในกันต่อ เนื่องจากผ้า Canvas ของ CTAS มีความหนาและความทนทานน้อยกว่า Chuck 70 เขาจึงชดเชยจุดอ่อนตรงนี้ด้วยการสอด Plastic Heel Cap เอาไว้ที่ส้นเท้า ซึ่งในจุดนี้ของ Chuck 70 จะมี Canvas Heel Cap ชิ้นหนาเย็บติดอยู่ด้านในแทน ทำให้สวมใส่ได้พอดิบพอดีกว่า
นอกจากนี้ Chuck 70 ยังมีการปรับพื้น Insole เป็นแบบโฟม OrthoLite อย่างหนาช่วยให้สวมใส่ได้อย่างนุ่มสบาย พร้อมเพิ่มพื้นที่ให้ Arch Support และสามารถถอดชิ้น Insole ออกมาได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเติมเข้ามา
DETAIL
ปิดท้ายด้วยรายละเอียดที่มองข้ามไม่ได้อย่าง ป้ายส้นที่ Chuck 70 เป็นป้ายส้นต้นตำรับในสีดำสุดวินเทจ ส่วน CTAS เป็นป้ายส้นสีขาวจั๊วะ นอกจากนี้ส่วนลิ้นของ Chuck 70 บางรุ่น จะมีช่องสำหรับเขียนชื่อเจ้าของรองเท้า คล้ายกับรองเท้ากีฬาในอดีต
มาถึงตรงนี้เราสรุปได้ว่า Chuck Taylor All Star และ Chuck 70 ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของทุกคนเลยครับ สำหรับใครที่ชอบความสบาย ความง่าย ความเบารุ่น Chuck Taylor All Star (CTAS) น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงใจคุณ ในราคาเบา ๆ เริ่มต้นเพียง 1,950 บาทเท่านั้น
ส่วนใครที่ชอบรองเท้าที่มีความเนี้ยบขึ้นมาหน่อย เราแนะนำให้คุณมองหารุ่น Chuck 70 ติดบ้านไว้ แม้ตัวรองเท้าจะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นปกติเกือบเท่าตัว แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาถือว่าเกินคุ้ม ทั้งดีไซน์ที่มีกลิ่นอายความวินเทจ รวมถึงวัสดุที่พรีเมี่ยมกว่ารุ่นปกติ แถมรุ่นใหม่ ๆ นี้ก็มีการปรับปรุงพื้นด้านในให้นุ่มสบายมากยิ่งขึ้น รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ โดย Chuck 70 ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 2,700 บาท (ในรุ่นข้อต่ำ) และ 2,900 บาท (ในรุ่นหุ้มข้อ)
คำแนะนำในการเลือก SIZE นั้นต้องบอกว่าทั้ง 2 รุ่นสามารถใส่ตรง SIZE ได้เลยนะครับ แต่ทรงของ Chuck 70 อาจจะมีความ Over กว่ารุ่นปกตินิดหน่อย ใครที่ชอบความกระชับอาจจะลดจากขนาดเท้าปกติซัก 1 หรือ 0.5 SIZE ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปเท้าของแต่ละคนด้วยนะครับ
สำหรับใครที่รักในกลิ่นอายสไตล์ Converse สามารถติดตามคอลเลคชั่นใหม่ของทั้ง 2 โมเดลได้ที่เพจ Carnival Store หรือเข้าไปเลือกชมโมเดลและคอลเลคชั่นต่าง ๆ ได้ที่แอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ www.carnivalbkk.com ได้เลยครับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก