Yashica (N.) ภาษาสันสกฤต แปลว่า ความสำเร็จ – ในยุคดิจิตอลที่ภาพถ่ายกลายเป็นไฟล์ข้อมูลที่ผลิตซํ้าได้ไม่จำกัด ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งความรวดเร็วลํ้ายุคยังมี เข็มเล็กๆอันลํ้าค่าที่ว่าด้วยการบันทึกความทรงจำอย่าง “กล้องฟิล์ม“ ชิ้นส่วนศิลปะจากอดีตที่ยังไม่จางหายไปไหน เนื่องในโอกาสของการร่วมงานสุดพิเศษ พวกเราชาว Carnival ขอพาเพื่อนๆไปย้อนดูเส้นทางของ “Yashica” แบรนด์กล้องฟิล์มในตำนานที่ยังมีลมหายใจ!
YASHIMA
ย้อนเวลากลับไปสมัยปี 1945 ช่วงไม่กี่เดือนก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะจบลง บริษัทในจังหวัด ‘นากาโนะ’ ชื่อ Yashima Seiki Seisakusho (Yashima Precision Works) เป็นผู้รับเหมาผลิตดินปืนให้กับกองทัพญี่ปุ่น โดยหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง พวกเขาก็เปลี่ยนไปผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทนาฬิากาและอิเล็กทรอนิกส์แทน เวลาต่อมาในปี 1949 ก็จดทะเบียนเป็นบริษัทร่วมหุ้นในนาม Yashima Seiki K.K.
.
บริษัทเริ่มผลิตกล้องตัวแรกในช่วงต้นปี 1953 ชื่อ “Pigeonflex” เป็นกล้อง TLR ขนาด 6×6cm ให้กับ Endō Shashin-yōhin ผู้จัดจำหน่าย หลังจากเป็นผู้ผลิตแบบจับฉ่ายมานาน ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเรื่องกล้องประมาณนึงด้วยแรงของพนักงานเพียง 8 คน! จากนั้นบริษัทเลยเปลี่ยนชื่อเป็น Yashima Kōgaku Seiki K.K. (Yashima Optical Precision Instruments) ที่แปลว่าหันมาโฟกัสเรื่อง “กล้อง” อย่างจริงจัง
.
ในปีเดียวกันนั้นเองที่พวกเขาเปิดตัว Yashimaflex กล้องภายใต้แบรนด์ตัวเองอย่างเป็นทางการตัวแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนมีโมเดลต่างๆภายใต้ชื่อนี้ตามมามากมาย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัท (อีกครั้ง!) ในปี 1956 เป็นชื่อ Yashima Kōgaku Kōgyō K.K. (Yashima Optical Industries) ที่แสดงถึงการขยับขยายในระดับอุตสาหกรรม โดยความสำเร็จของทั้ง Yashimaflex และ Pigeonflex ส่วนนึงก็มาจากเลนส์ของ Tomioka Optics แบรนด์พาร์ทเนอร์ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญของ “Yashica” ในภายหลัง
.
ฤกษ์งามยามดีถึงคราวข้ามนํ้าข้ามทวีปในปี 1957 ทาง Yashima ก็ได้เปิดบริษัทย่อยนอกญี่ปุ่นที่แรกชื่อ Yashica Inc. ในนิวยอร์กมหานครแห่งศิลปะที่จะกลายเป็นรากฐานสำคัญของแบรนด์ในเวลาต่อมา และเป็นการเปิดตัวในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งภาพยนตร์ด้วย Yashica 8T กล้องฟิล์มถ่ายหนัง 8 mm สุดคลาสสิค
Carnival Fun Fact : ช่วงปี 1956 ทาง Yashima เริ่มนำชื่อ Yashica มาใช้เป็นแบรนด์สินค้า โดยมาจากคำว่า Yashima และ Camera ผสมกัน เช่นเดียวกับการตั้งชื่อของบริษัทกล้องอย่าง Leica และ Konica
YASHICA
หลังจากเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในที่สุดปี 1958 บริษัทก็เปลี่ยนชื่อ (อีกแล้ว!) จากที่ใช้ชื่อ Yashima มาหลายเวอร์ชั่นคราวนี้เป็น K.K. Yashica ใช้ชื่อเดียวกับสินค้าแบรนด์ตัวเองอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Yashica 35 กล้องฟิล์ม 35 mm rangefinder ตัวแรกของแบรนด์ และตามมาด้วย Yashica-44 กล้อง TLR 4x4 ที่อินสไปร์ดีไซน์มาจาก Baby Rolleiflex จากนั้นทาง Yashica ก็เข้าซื้อกิจการของ Nicca Camera บริษัทกล้องอีกแบรนด์ในญี่ปุ่นที่ถนัดเรื่องการผลิตกล้องฟิล์ม 35 mm
.
เรียกได้ว่าช่วงทศวรรษ 50-70s เป็นยุคทองของ Yashica อย่างแท้จริง เริ่มด้วย Yashica Mat ในปี 1957 ที่กลายเป็นไลน์การผลิตกล้องประเภท TLR ระดับขึ้นหิ้ง ต่อเนื่องด้วยกล้องระดับตำนาน Hall of Fame ในปี 1966 นั่นก็คือ Yashica Electro 35 กล้องที่ถูกตั้งฉายาว่า “ไลก้าคนจน” เพราะขึ้นชื่อด้านคุณภาพและราคาที่เหมาะสม โดยเจ้าตัว Electro 35 นี้ยังเป็นกล้อง 35 mm แบบสั่งการด้วย “ไฟฟ้า” (ปรับ apeture แบบอัตโนมัติ) ตัวแรกของโลกและประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยยอดขายถึง 8 ล้านยูนิท
.
ต่อเนื่องกับความสำเร็จในปี 1968 ที่ทาง Yashica เปิดตัวกล้อง SLR เป็นครั้งแรกของแบรนด์
กับโมเดล Yashica TL Electro-X ที่มีฟังค์ชั่นวัดแสงลํ้ายุค และ Lense Mount แบบ M42
ในปีเดียวกันนี้ Yashica ยังเข้าซื้อบริษัทเลนส์พาร์ทเนอร์คู่ใจอย่าง Tomioka Optics อีกด้วย
.
ส่งท้ายยุคทองของ Yashica ในปี 1973 อย่างสวยงามด้วยการร่วมงานกับ Zeiss Ikon บริษัทกล้องระดับโลกจากเยอรมัน ที่ครํ่าหวอดจนผู้คนในวงการยกให้เป็นผู้ผลิตเลนส์อันดับหนึ่งของโลก
การร่วมงานที่ยาวนานเริ่มอย่างยิ่งใหญ่ด้วย Contax RTS กล้อง SLR ที่ใช้ C/Y Mount ที่รองรับเลนส์ ของทั้ง Contax (Zeiss) และYashica
.
จากนั้นทาง Yashica ก็เริ่มผลิตกล้องซีรี่ส์ FR ไลน์การผลิต SLR ที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ใช้ฟังค์ชั่นต่างๆ
ได้ไม่เเพ้ Contax เช่น Mount Lense C/Y ทำให้ซีรีส์ FR ใช้งานเลนส์คุณภาพสูงของ Contax และ Zeiss ได้!
.
ความสำเร็จของการแบ่งไลน์การผลิตที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค Hi-End ไปจนถึง สายประหยัด และมือใหม่
โดยไม่ละทิ้งคุณภาพทำให้ Yashica ขยับไปสู้ได้อย่างสูสีกับ 4ยักษ์ใหญ่แห่งตลาดกล้อง ณ ตอนนั้น (Canon, Nikon, Pentax และ Minolta)
KYOCERA
หลายคนมักจะมองว่า “ยุคทอง” ของ Yashica นั้นจบไปตั้งแต่ปี 1983 ที่ Kyocera ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเซรามิคจากเกียวโต แต่ความเป็นจริงแล้วในยุคของ Kyocera ก็ยังมี Yashica รุ่นตำนานมากมายถูกผลิตออกมา เช่น Series-T
.
กล้อง Series-T เป็นไลน์การผลิตกล้องคอมแพคคุณภาพดี ด้วยสไตล์ Point and Shoot บอดี้พลาสติกที่พกพาง่าย เริ่มด้วยโมเดลแรกในปี 1985 ด้วย Yashica T-AF ต่อเนื่องด้วยกล้องยอดนิยมอย่าง Yashica T2 ในปีต่อมา
.
โดยกล้อง Series-T มีจุดโดดเด่นที่ความสะดวกสบาย คุณภาพที่ดีเยี่ยมด้วยเลนส์ Zeiss สุดคมในหลายๆรุ่น และถูกเลือกใช้โดยตากล้องระดับตำนานมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือ Terry Richardson ตัวพ่อคนแรกๆที่เริ่มการถ่ายแฟชั่นแบบ Candid เป็นธรรมชาติด้วยกล้องตัวเล็ก
.
นอกจากกล้อง Series-T ยอดนิยมอย่าง Yashica T-4 และ Contax T-2 แล้ว ในยุคที่อยู่ภายใต้ Kyocera ทาง Yashica ก็ยังคงผลิตกล้องลํ้ายุคเจ๋งๆออกมาอีกหลายโมเดลไม่ว่าจะเป็น Yashica Fx-3 Super 2000 กล้อง SLR แบบคอมแพคพกพาสะดวก Yashica FR II ภาคต่อของโมเดล FR ในอดีต Yashica Samurai โมเดลสุดแนวในปี 1987 ที่เป็น SLR แบบ Half Frame ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ปิดท้ายด้วยกล้อง Point and Shoot ร่วมสมัยแห่งยุค 90s อย่าง Yashica Zoomate
.
แต่ด้วยปัจจัยที่หลากหลายและการเข้ามาของเทคโนโลยี Auto Focus และ Digital Camera ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้ในปี 2005 ทาง Kyocera ต้องยุติการผลิตไลน์สินค้ากล้องฟิล์ม Yashica ไปอย่างน่าเสียดาย
.
แต่แม้ว่ายุคสมัยใหม่จะผ่านไปรวดเร็วแค่ไหน เสน่ห์ของ “กล้องฟิล์ม” ก้ไม่มีวันจางหาย สังเกตุได้จากการพยายามฟื้นฟูชื่อของ Yashica กลับมาทั้งในปี 2008 โดยบริษัทฮ่องกง MF Jensen Group และต่อมาในปี 2015 กับ Yashica International Company และในวันนี้! กลิ่นอายและรสชาติของศิลปะแห่งภาพฟิล์มกลับมาอย่างงดงามกับโปรเจค Yashica | Absolute ที่ชุบชีวิตกล้องฟิล์ม Yashica กลับมา
.
โดยโมเดล MF-1 นี้ก็มาร่วมงาน Collaboration สุดพิเศษกับ Carnival เราด้วย! โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมงาน Carnival x Yashica Photo Exhibition กันได้ที่ Carnival Warehouse 30 ในวันศุกร์ที่ 11 ถึงวันที่ 15 สิงหาคมนี้! และ CARNIVAL® X YASHICA MF-1 CAMERA จะวางจำหน่ายในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคมนี้ที่ร้าน CARNIVAL ทุกสาขา (สยาม สแควร์ ซอย 7, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัลเวิลด์, เมกา บางนา และ Warehouse 30) และทางเว็บไซต์ carnivalbkk.com มาร่วมเป็นส่วนนึงของความทรงจำและเสน่ห์ที่ไม่มีวันจางหายไปพร้อมๆกัน!