BEHIND THE ICON UMBRO  ชวนรู้จักแบรนด์ระดับตำนานแห่งวงการกีฬาลูกหนัง

BEHIND THE ICON UMBRO ชวนรู้จักแบรนด์ระดับตำนานแห่งวงการกีฬาลูกหนัง

เกมกีฬายอดนิยมที่หากเอ่ยชื่อไปแล้วย่อมไม่มีใครไม่รู้จัก สิ่งที่สร้างทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความรัก ความผูกพันทั้งกับตัวผู้ชมและผู้เล่น ราวกับถูกต้องด้วยมนต์สะกด สิ่งนั้นคือกีฬาลูกหนังที่ครองใจคนทั่วโลกมายาวนานอย่างกีฬาฟุตบอล

และเมื่อพูดถึงกีฬาฟุตบอล ใครก็ตามที่เติบโตมาในยุค 90 หรือก่อนหน้านั้น ย่อมไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อ UMBRO แบรนด์ที่คนวงการฟุตบอลต้องคุ้นหูคุ้นตา เพราะอยู่เคียงข้างกันเหมือนพี่น้องมาเป็นระยะเวลาเกือบ 100 ปี วันนี้ CARNIVAL จะพาทุกคนย้อนเวลาไปย้อนดูเส้นทางแห่งการเติบโตของแบรนด์ระดับตำนานนี้ไปพร้อม ๆ กัน 

 

 

เริ่มแรกเดิมทีก่อนจะมาใช้ชื่อแบรนด์ว่า Umbro แบรนด์นี้มีชื่อว่า  Humphreys brother เพราะ ถูกก่อตั้งโดยสองศรีพี่น้องตระกูลฮัมฟรีส์ในปี 1920 ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมืองที่ถือเป็นเมืองหมุดจุดหลักของการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมของประเทศอังกฤษ โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอถือว่าโดดเด่นมากในยุคนั้น ทั้งสองเริ่มต้นแบรนด์นี้จากห้องเล็ก ๆ หลังผับ ด้วยการตัดเย็บชุดกีฬาแล้วก็ค่อย ๆ ขยับขยายกิจการของตนมาเรื่อย ๆ โดยพวกเขาผลิตสินค้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น รองเท้าบูท สนับแข้ง ถุงมือผู้รักษาประตู และสินค้าอื่น ๆ ทั้งในและนอกสนาม โดยสัญลักษณ์ของแบรนด์เราเรียกมันว่า double daimond เพราะรูปร่างจะเป็นเหมือนเพชรสองอันที่ซ้อนกันอยู่ แต่ถูกตัดทอนให้เข้าใจง่าย ไม่ใช้รูปทรงที่เข้าใจยาก

 

จนในปี  1934 พวกเขาได้มีโอกาสตัดเย็บชุดฟุตบอลให้กับเกมนัดชิงชนะเลิศ FA CUP ระหว่าง manchester city และ Portsmouth ชื่อเสียงจากการแข่งขันในนัดนี้ ทำให้พวกเขาเป็นที่ต้องการของหลายทีมชื่อดังที่อยากให้ UMBRO ตัดชุดฟุตบอลให้ไม่ว่าจะเป็น Sheffield united f.c. (1889), Gaudeat Ager Afc Fylde Est. (1997), Manchester United, Tottenham Hotspur และ Blackpool Football Club

 

Carnival funfact: UMBRO ชื่อนี้มาได้อย่างไร  ถ้าพูดกันตามจริง  UMBRO คำนี้ถือกำเนิดมาจากสำเนียงการออกเสียงของคนแมนเชสเตอร์ เป็น accent แบบ mancunion ของคำว่า Humphreys Brother ที่พอพูดไปพูดมาก็กลายมาเป็นคำว่า UMBRO ซะอย่างนั้น โดยเปลี่ยนมาเป็น “UMBRO” ในปี  1924

 

หลังจบสงครามโลก UMBRO เริ่มได้รับการยอมรับและผลิตชุดกีฬาในแขนงต่าง ๆ ให้กับทีมโอลิมปิกของสหราชอาณาจักรหรือทีม GB และเป็นสปอนเซอร์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี ในกีฬาฟุตบอลซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ UMBRO พูดได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองเลยทีเดียว และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจสูงสุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือในปี 1958 บราซิลได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในแผ่นดินสวีเดน และได้สวมชุดกีฬาของ umbro! ทำให้แบรนด์ระดับตำนานแบรนด์นี้ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นไปอีกเท่าตัว เป็นที่มาให้ในปี 1960  UMBRO ได้มีพรีเซนเตอร์คนแรกในประวัติศาสตร์นั่นคือ Denis Law นักเตะเลือดสก็อตของทีม Manchester United ศูนย์หน้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของทีม

 

หกปีต่อมาในปี 1966 บอกปีมาแฟนฟุตบอลก็จะรู้ทันทีว่า เป็นปีที่มีการจัดฟุตบอลโลกที่อังกฤษ และก็จะเป็นปีที่มีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 16 ทีมด้วยกัน 15 จาก 16 ทีม สวมใส่เสื้อของ umbro จะมีแค่เพียงทีมเดียวคือจากสหภาพโซเวียตหรือ USSR ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และที่สำคัญทีมที่เป็นแชมป์โลกก็คือเจ้าภาพอังกฤษ ที่ได้ชัยภายใต้ชุดกีฬาของ UMBRO  

 

และในปี 1984 พวกเขากลับมากลายเป็นผู้สนับสนุนของทีมชาติอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง และนั่นก็คือในยุค ฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของประเทศอังกฤษ แต่ในเรื่องการเงินพวกเขาก็มีปัญหาบ้างเหมือนกัน ส่วนหนึ่งเพราะ  แรงงานในอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ราคาสูง ทำให้ UMBRO ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีโรงทออยู่ในอังกฤษเสียเปรียบแบรนด์อื่นที่ใช้ outsource ให้โรงงานประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาผลิตให้เพราะว่าต้นทุนเรื่องแรงงานนั้นสูงกว่า ท้ายที่สุดจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงทางเลือกในการขายบริษัทออกไปถ้ามีผู้เสนอซื้อ 

 

จนกระทั่งในปี 2007 ยักษ์ใหญ่ฝั่งกีฬาของอังกฤษสองบริษัท ได้แก่บริษัท JJB และ Sport Direct ของมหาเศรษฐี Mike ashley เจ้าของ New Castle United ได้เข้าเป็นผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดในช่วงนั้น และในปีเดียวกัน เกิดดีลที่ Nike บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ UMBRO ในราคาหุ้นละ 193 เพนนี สูงกว่าราคาบนกระดาน รวมเป็นเงิน 285 ล้านปอนด์ และภายใต้การนำของ Steve Mankin ของ UMBRO ในเวลานั้นรวมถึงสองผู้ถือหุ้นใหญ่สองเจ้าไม่มีใครคัดค้านการขายหุ้นทำให้ UMBRO แบรนด์แห่งความภาคภูมิใจของอังกฤษตกไปมือแบรนด์สัญชาติอเมริกันอย่าง Nike  ในช่วงแรกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนเสื้อทีมชาติอังกฤษอย่างทันทีแต่หลังจากสิ้นศึกยูโร 2012 Nike ได้ถอดเอาสัญลักษณ์ Double Daimod ของ UMBRO ออกไปจากหน้าอกเสื้อของนักเตะ และใส่สัญลักษณ์ swoosh ลงบนเสื้อแทน และสุดท้ายในปี 2014 พวกเขาได้ตัดสินใจขาย UMBRO  ให้กับ Iconix Group  แบรนด์ของอเมริกันด้วยมูลค่า 225 ล้านเหรียญสหรัฐ   

 

จวบจนในปัจจุบัน Umbro เองถือได้ว่ายังเป็นแบรนด์แนวหน้าของฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นแบรนด์ที่พัฒนาและแอคทีฟอยู่ในตลาดของกีฬาฟุตบอลอย่างไม่หยุดยั้ง จึงถือเอาปี 2023 นี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่ Umbro และ Carnival จะจับมือกันรังสรรค์เสื้อผ้าสุดพิเศษขึ้นมาให้เหล่าคอกีฬาลูกหนังและสายแฟชั่นทุกคนได้จับจอง โดยสำหรับแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นนี้ได้มาจากต้นแบบงานดีไซน์ของชุดกีฬาสุดคลาสสิคในยุค 90  ที่ได้รวบรวมความโดดเด่นด้านการออกแบบหลากหลายสไตล์ของยุคนั้นมาวาดลวดลายลงบนผืนผ้าอย่างไม่ยั้งมือ ไม่ว่าจะเป็นงานโลโก้ Double Daimond ในตำนาน คู่สีสุดฮิตยุคที่ใช้กับสองสโมสรแห่งเมือง Milan ที่นำมาทำใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจจากเสื้อกีฬาที่นักเตะในตำนานอย่าง Eric Cantona ได้สวมใส่ ผนวกด้วยการวาดลวดลายและแพทเทิร์นที่สะท้อนความเป็นตัวตนของ Umbro ใส่ลงไป อันเห็นได้ชัด ๆ จากการนำเอกลักษณ์ของเสื้อที่ goal keeper ใส่ในยุคนั้นมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยนี้มากยิ่งขึ้น ทำให้เสื้อผ้าทุกชิ้นในคอลเลคชั่นนี้เป็นเหมือนสมุดบันทึกเรื่องราว ความทรงจำ ความชอบ ความผูกพันธ์กับกีฬาลูกหนังของผู้คนที่เติบโตมาในยุค 90 ที่รุ่งเรืองของ Umbro ได้เป็นอย่างดี นำทัพด้วย Jersey และ Sweater  ต่อเนื่องด้วย Jacket, Tee Shirt, Shorts และ Cap ลวดลายไอคอนิกของ UMBRO ปิดท้ายด้วย Water Bottle และ Scarf มาร่วมสานต่อและขีดเขียนความทรงจำกับแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างวงการกีฬาลูกหนังอย่าง Umbro ไปพร้อมกันอีกครั้ง 

 

 

For the players. For the fans. Wear with pride. 

Play with passion. Nobody owns it. 

It’s where we all belong. "This is Our Game."

 

 

#umbroxcarnival #umbro #carnivalbkk 

By Carnivalbkk
800 view(s)
1 year ago